ความพินาศย่อยยับของเมือง Kobani ในซีเรียคืออีกหนึ่งผลงานอันน่าภาคภูมิของสหรัฐฯและพันธมิตร
ช่วงนี้สหรัฐฯและนาโต้พยายามทำโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) สร้างภาพให้ตัวเองเป็นพระเอกผู้รักษาสันติภาพในซีเรีย โดยทำคลิปภาพถ่ายมุมสูงจากโดรนให้เห็นสภาพปัจจุบันของเมือง Kobani ในตอนเหนือของซีเรียติดกับพรมแดนของตุรกี โดยพยายามที่จะโยนความผิดทั้งหมดไปที่ไอซิสซึ่งก็คือลูกน้องของสหรัฐฯและนาโต้นั่นแหละ …กับนักรบชาวเคิร์ด (Kurdish)
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากฝีมือการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯและนาโต้เป็นส่วนมากทั้งนั้น สภาพเมืองโกบานีในปัจจุบันตามที่เห็นในคลิปนั้นไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้อีกต่อไป มีประชาชนทั่วไปทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านต่างพากันหนีตายจากภัยสงครามที่ก่อขึ้นโดยสหรัฐฯกับพวก เหยื่อสงครามพยายามที่จะเข้าไปยังพรมแดนของตุรกี แต่ก็ถูกกลุ่มก่อการร้ายไอซิสลูกน้องสหรัฐฯตามไล่ยิงตามหลัง ทางตุรกีก็ปิดพรมแดนไม่ให้เข้า เพราะเกรงว่าพวกไอซิสจะแฝงตัวเข้าไปก่อเหตุในตุรกีด้วย
ประชาชนชาวซีเรียเหล่านี้ก็กระจายกันอยู่ตามค่ายผู้อพยพตามแนวชายแดนของตุรกีกับซีเรีย บางส่วนอพยพหนีตายจากภัยสงครามเข้าไปอยู่ในยุโรป ก็ถูกทางยุโรปต่อต้านไม่ยอมรับ บางส่วนที่ยอมรับก็มีคือให้ไปอยู่ในค่ายผู้อพยพแทน แต่เนื่องจากมีจำนวนมากจึงเกิดการต่อต้านผู้อพยพลี้ภัยสงครามเหล่านั้นขึ้นมาในกลุ่มประชาชนชาวยุโรป ปัญหาเหล่านี้มองได้หลายมุม บางคนบอกว่าผู้อพยพเหล่านั้นเข้าไปสร้างปัญหาในยุโรป แย่งงานแย่งอาชีพของชาวยุโรป เป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนชาวยุโรปเข้าไปดูแลผู้อพยพลี้ภัยสงครามเหล่านั้นนั่นเป็นการมองปัญหาที่ปลายเหตุ
หากรัฐบาลสหรัฐฯและมหาอำนาจในยุโรปไม่ไปโจมตีทำลายบ้านเมืองของพวกเขา แล้วพวกเขาจะหนีตายเข้าไปยังประเทศอื่นมากมายอย่างนี้หรือ เมื่อบ้านเรือนของพวกเขาถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีอย่างนี้แล้วจะให้พวกเขาไปอาศัยอยู่ที่ไหน เขาก็ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ที่คิดว่าปลอดภัยจากสงครามที่อยู่ใกล้กันซึ่งก็คือยุโรปนั่นเอง
เพื่อลบภาพความโหดร้ายของตน สหรัฐฯจึงสร้างข่าวโยนความผิดทั้งหมดไปที่ไอซิสแทน ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็ให้ทั้งเงินและอาวุธสนับสนุนผู้มีส่วนร่วมในการก่อสงครามต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียไม่หยุดหย่อน และยังได้ส่งทหารอเมริกันไปฝึกการใช้อาวุธและยุทธวิธีในการสู้รบให้กับกลุ่มต่างๆ ทั้งในซีเรียที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และในตุรกี จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย กาต้า และอีกหลายประเทศจำนวนหลายร้อยคน จากนั้นก็ให้พวกนักรบกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ไปฝึกให้กับคนของตนในพื้นที่ต่างๆที่เกณฑ์มาเรื่อยๆ อีกหลายพันคน เพื่อเป็นเครื่องมือให้สหรัฐฯนำไปใช้งานก่อเหตุและต่อสู้กับรัฐบาลของประเทศต่างๆที่ไม่ยอมรับคำสั่งของสหรัฐฯ การฝึกนักรบเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของซีไอเอ ที่น่าสังเกตก็คือพวกนักรบที่ทหารสหรัฐฯไปฝึกให้นั้นแม้กระทั่งยังต้องสวมชุดไอ้โม่งปิดหน้าปิดตาคล้ายกับพวกไอซิสไม่มีผิดเลย
เมื่อปลายปีที่แล้วสภาของสหรัฐฯได้อนุมัติเงินจำนวน $585 billion (ประมาณ 20 ล้านล้านบาท) ให้กับกลุ่มติดอาวุธกบฎสายกลางในซีเรียเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย และคาดว่าจะอนุมัติให้อีกจำนวน $6.6 billion (ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท) เชื่อหรือว่าเงินจำนวนนี้จะไปถึงมือพวกกบฎทั้งหมด มันก็ย่อมจะมีทางแบ่งกันกินในระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนักการเมืองสหรัฐฯและระดับบิ๊กๆในกองทัพของสหรัฐฯและซีไอเออยู่แล้ว นี่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำมาหากินของพวกนักการเมือง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯปล่อยข่าวว่าสามารถสังหารระดับหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้แล้ว พร้อมทั้งจับเป็นภรรยาของเขาด้วย โดยนำไปกักไว้ที่อิรัค เมื่อวันที่ (15-18 พ.ค.58) ก็มีข่าวตามสื่อฯต่างๆว่าพวกไอซิสบุกเข้าโจมตีเมือง Ramadi ห่างจากกรุงแบกแดดเมืองหลวงของอิรัคไป 110 กม.ทำให้ทหารของอิรัคที่ประจำการอยู่ในเมือง Ramadi ต้องถอนกำลังออกมาก่อน
ผู้ที่ถูกสังหารนั้นชื่อ Abu Sayyaf ซึ่งทางสหรัฐฯอ้างว่าเป็นระดับหัวหน้าอาวุโสของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ซึ่งจริงๆแล้วเขามีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของไอซิสด้วย (ตั้งกันขึ้นมาเอง?) นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชาวอเมริกันมองว่า นี่ไม่ใช่การปราบปรามไอซิส แต่เป็นการเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนใหม่ให้ไปทำหน้าที่คุมธุรกิจน้ำมันที่พวกไอซิสยึดมาได้จากรัฐบาลซีเรียต่างหาก
ตามรายงานบอกว่าทางสหรัฐฯพยายามที่จะจับเป็นระดับหัวหน้าของไอซิสคนนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อสบโอกาสสหรัฐฯกลับเลือกที่จะสังหารเขาแทน กลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียนั้นสวมหัวโขนสองใบ ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯต้องการจะให้สวมใบไหนและให้ชาวโลกได้รับรู้ผ่านสื่อฯของตนอย่างไร ใบหนึ่งเป็น “กองกำลังกบฎสายกลางของซีเรีย” (moderate Syrian rebels) ที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนทุกอย่าง สำหรับต่อสู้กับรัฐบาลเซียเรีย ส่วนอีกใบหนึ่งก็คือ “ผู้ก่อการร้ายไอซิส”
ช่วงแรกที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ยังไม่มีอำนาจและยังไม่สามารถยึดแหล่งน้ำมันจากรัฐบาลซีเรียได้นั้น ทางสหรัฐฯและยุโรปสั่งแซงชั่นน้ำมันจากรัฐบาลซีเรีย แต่หลังจากที่ไอซิสเข้ายึดแหล่งผลิตน้ำมันบางส่วนได้จากรัฐบาลซีเรียได้แล้ว ทางอียูกลับมีการผ่อนคลายมาตรการแซงชั่นซีเรียลง โดยให้สามารถนำเข้าน้ำมันจากพวกไอซิสแต่ตั้งชื่อใหม่เป็นพวกนักรบกบฎสายกลางแทนเข้าไปในยุโรปและอิสราเอล ในขณะเดียวกันทั้งอียูและสหรัฐฯก็ยังคงสั่งห้ามประเทศต่างๆซื้อขายน้ำมันจากรัฐบาลซีเรียต่อไป
วันนี้ไม่รู้ว่าขัดผลประโยชน์ภายในระหว่างสหรัฐฯกับนาโต้และหัวหน้าไอซิสที่คุมเรื่องน้ำมัน หรืออาจจะเป็นเพระว่าสหรัฐฯถูกตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์มากว่าสร้้างสงครามปราบไอซิสมาตั้ง 4 ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจับหรือสังหารหัวหน้าของไอซิสได้เลย ดังนั้นสหรัฐฯจึงตัดสินใจสั่งเก็บคนนี้ซะเลย นักวิเคราะห์จึงมองว่าการกำจัด Abu Sayyaf รัฐมนตรีน้ำมันของไอซิสในครั้งนี้ไม่ได้ช่วยให้สถาการณ์ในอิรัคหรือในซีเรียดีขึ้น เป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเท่านั้น เกี่ยวกับสงครามแย่งน้ำมันกันในซีเรียนี้ เมื่อเร็วๆนี้โอบามาออกมากล่าวว่าสงครามในซีเรียจะขยายออกไปจนถึงปี 2017 นั่นหมายความว่าตราบใดที่โอบามายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ปธน.ของสหรัฐฯคงไม่มีวันที่สงครามในซีเซียจะสงบลงเป็นแน่ เขาคงจะให้มันจบลงในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากตำแหน่งปธน. หรือไม่ก็ให้รีพับลิกันมาลุยต่อ