ศาลฎีกายกฟ้องกรณี นายพัฒนา(เฟาซัน) หลังปูเต๊ะ เป็นโจทก์ ฟ้องกรรมการอิสลาม กทม. และกรรมการกลางอิสลามฯ เป็นจำเลย รวม ๔๐ คน
สรุปคำพิพากษาฎีกา ที่ ๙๙๒๐/๒๕๕๙ โดยย่อ (คดีนายพัฒนา(เฟาซัน) หลังปูเต๊ะ เป็นโจทก์ ฟ้องกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวม ๔๐ คนเป็นจำเลย)
นายพัฒนา(เฟาซัน) หลังปูเต๊ะ เป็นโจทก์ ฟ้องกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร(กอ.กทม.)เป็นจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๑ และกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย(กอท.) เป็นจำเลยที่ ๒๒ ถึงที่ ๔๐ ต่อศาลแพ่งธนบุรี มีสาระสำคัญโดยย่อว่า โจทก์ถูกนายมนูญพันธ์ รัตนเจริญ ร้องเรียนกล่าวหาต่อคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร(กอ.กทม.) ว่า โจทก์มีพฤติการณ์ที่นำมาซึ่งความเสียหายแก่มัสยิดต้นสน บกพร่องต่อหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและประโยชน์ของมัสยิดต้นสนทั้งไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.๒๕๔๐ จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๑ (กอ.กทม.)ได้พิจาณาวินิจฉัยมีมติและมีคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งอิหม่ามประจำมัสยิดต้นสน โดยไม่ให้โอกาสโจทก์ชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหา จำเลยที่ ๒๒ ถึงที่ ๔๐(กอท.) มีมติยืนตามจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๑(กอ.กทม.)มติและคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งอิหม่ามไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลย ทั้งสี่สิบเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมและมีคำสั่งที่ให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งอิหม่ามประจำมัสยิดต้นสน ให้โจทก์ดำรงตำแหน่งอิหม่ามประจำมัสยิดต้นสนต่อไป และให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สี่สิบล้านบาท)
จำเลยทั้งสี่สิบให้การต่อศาลทำนองเดียวกันโดยสรุปว่า จำเลยทั้งสี่สิบไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เนื่องจากจำเลยทั้งสี่สิบปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของหลักการศาสนาอิสลาม กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้กลั่นแกล้งโจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนมติและคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งอิหม่าม คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสี่สิบอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ และจำเลยทั้งสี่สิบฏีกา ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังได้ว่ามติของจำเลย(คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย)ที่ให้ถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบและหลักการศาสนา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของโจทก์นอกจากนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลฏีกาไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
(สรุป ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นฝ่ายชนะคดี)